ปี 2025 เป็นปีที่ราคาทองคำทั่วโลกผันผวนสูงและมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลายปัจจัยที่เข้ามากระทบทั้งในเชิงเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายการเงินระดับโลก ราคาทองคำเคยแตะระดับสูงสุดที่ประมาณ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และมีการคาดการณ์ว่าอาจพุ่งทะลุ 4,000 ดอลลาร์ในปีหน้า ในขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงที่อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้เช่นกัน
สงครามการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
การกลับมาของนโยบายภาษีศุลกากรที่เข้มงวดจากสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมเป็น 50% ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดกับประเทศคู่ค้า เช่น จีนและสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ ทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น ราคาทองคำพุ่งขึ้นมากกว่า 2% ในช่วงที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น
นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย
ธนาคารกลางยุโรปได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่มีสัญญาณว่าอาจมีการปรับลดในอนาคต หากเศรษฐกิจชะลอตัวลง อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำทำให้ต้นทุนโอกาสของการถือครองทองคำลดลง ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น
การซื้อทองคำของธนาคารกลาง
ธนาคารกลางของหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน อินเดีย และตุรกี ได้เพิ่มการถือครองทองคำในคลังสำรองอย่างต่อเนื่อง การซื้อทองคำของธนาคารกลางเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจแตะ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2025
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการลงทุน
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก เช่น ความกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอย การลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และความผันผวนของตลาดหุ้น ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน
ความเสี่ยงที่อาจทำให้ราคาทองคำลดลง
แม้ว่าปัจจัยหลายประการจะสนับสนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้ เช่น
- การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ประสบความสำเร็จ อาจลดความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
- การลดการถือครองทองคำของธนาคารกลาง หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
สรุป
ราคาทองคำในปี 2025 ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย การซื้อทองคำของธนาคารกลาง และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจทำให้ราคาทองคำผันผวนได้ การกระจายการลงทุนและการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้